ss

28 กุมภาพันธ์ 2555

ข้อคิดก่อนถ่ายภาพ : มิติของแสง

ข้อคิดก่อนถ่ายภาพ : มิติของแสง

"มิติของแสง" เรื่องสำคัญในภาพถ่ายที่หลายๆ คนยังเดินทางไปไม่ถึง เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้ภาพถ่ายแบบสองมิติถ่ายทอดรูปทรงของวัตถุตัวแบบในภาพได้อย่างน่าสนใจ
"แสง"...สำหรับมือใหม่แล้ว มันจะมีหน้าที่แค่ว่าสว่างหรือไม่สว่างเท่านั้น แต่สำหรับมืออาชีพแล้ว มันคือสิ่งที่จะช่วยขับเน้นให้วัตถุในภาพถ่ายให้ดูเป็นรูปทรงและมีมิติมากขึ้น


โดยปกติธรรมชาติของมนุษย์แล้ว จะมองสิ่งต่างๆ ด้วยดวงตาทั้งสองข้างก่อนที่จะซ้อนทับกันเป็นมิติและรูปทรงด้วยการคำนวณของสมอง ซึ่งมิติที่เรามองเห็นกันจะหมายถึงการที่เราสามารถรับรู้ถึงระยะกว้าง ยาว ลึก สูง ของสิ่งที่เรามองเห็นได้ คุณสามารถทดลองได้ทันทีโดยการปิดตาลงข้างหนึ่ง ซึ่งจะเห็นความแตกต่างในเรื่องมิติของรูปทรงที่มีผลต่อการมองเห็นในทันที และการมองด้วยตาทั้งสองข้างที่ทำให้เกิดมิตินี้เรียกว่า Stereoscopic ตอบสนองความรู้สึกแบบ 3 มิติ คือ ทางด้านกว้าง ยาว ลึก หรือ XYZ 

สรุปแล้ว การมองด้วยตาทั้งสองข้างจะทำให้เรารู้สึกได้ถึงความกว้าง ยาว ลึก ฯลฯ หรือที่เรียกว่า "มิติ" ได้นั้นเอง

ภาพถ่าย คือการบันทึกภาพสิ่งที่เรามองอย่าง 3 มิติ ด้วยตาทั้งคู่ (ที่เราเห็นเป็นเรื่องธรรมดา) ลงไปในสิ่งที่เป็น 2 มิติ ซึ่งมีเฉพาะด้านกว้างและยาวเท่านั้น (เช่น บนจอคอมพิวเตอร์ หรือบนกระดาษอัดภาพ) ไม่สามารถแสดงมิติที่ 3 หรือความลึกได้ ซึ่งทำให้การมองเห็นภาพของสายตาเปลี่ยนไป โดยความรู้สึกแล้วก็คือผิดธรรมชาตินั้นเอง (เปรียบเสมือนมองโลกโดยปิดตาลงข้างหนึ่ง)

ในการถ่ายภาพจึงได้มีการคิดค้นเทคนิคและวิธีการบันทึกภาพโดยใช้เรื่องของความรู้สึกให้เกิดมิติเข้าช่วย เช่น การใช้เส้นนำสายตา, มีการวางวัตถุต่างขนาดกันเพื่อให้เกิดความรู้สึกเปรียบเทียบ, การใช้มุมและระยะของเลนส์เพื่อสร้างความลึก ฯลฯ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ "การใช้มิติทางแสง" เข้าช่วย

นอกจากแสงจะทำให้ภาพสว่างและสร้างอารมณ์ของภาพ เช่น อบอุ่น ร้อนแรง นุ่ม แข็ง ฯลฯ แล้ว หน้าที่แฝงของมันที่เราลืมนึกไปก็คือ การทำให้เกิด "เงา" ขึ้นมา ซึ่งเงานี่เองที่จะเป็นตัวช่วยสร้างมิติให้กับรูปทรงในการถ่ายภาพได้มากที่สุด และแทบจะพูดได้เลยว่า"สิ่งที่พอจะชดเชยการมองแบบ 3 มิติได้ก็คือเงา หรือมิติของแสงนี้เอง"



"เงา"
 คือสิ่งที่ทำให้รูปร่างหรือวัตถุดูมีมิติมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน มันก็อาจจะกลายเป็นอุปสรรคสำหรับภาพถ่ายบางประเภทด้วย ซึ่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้และควบคุมมันให้ได้



เราจะเห็นเรื่องราวเหล่านี้ได้จาการจัดแสงไฟฟ้าด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ของช่างภาพมืออาชีพ แสงไฟที่ได้รับการจัดมุมในทิศทางที่ต่างกันนั้น เราอาจจะเคยเข้าใจว่าเขาทำเพียงเพื่อให้เกิดสว่างขึ้นเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วหนึ่งในวัตถุประสงค์ก็คือการควบคุมและนำ "เงา" มาใช้ในงานถ่ายภาพโดยเฉพาะ

ลองหาภาพถ่ายที่เป็นผลงานของมืออาชีพที่เน้นเรื่องนี้โดยเฉพาะมาดูเป็นตัวอย่าง และสังเกตดูได้เลยว่า "เงา" ในภาพเป็นอย่างไร? แสงในภาพเป็นอย่างไร? จากนั้นจินตนาการว่าถ้าวัตถุในภาพมีแต่แสงสว่างแต่ไม่มีเงาเลยมันจะเป็นอย่างไร? 

ศัพท์แสงในวงการถ่ายภาพเขาจะเรียกแสงและเงาที่ไม่มีความชัดเจนเพียงพอจนทำให้เกิดรูปทรงขึ้นมาได้ว่า "แสงแบน" นั่นเอง

หลายๆ คนที่เปิดภาพขึ้นมาดูและรู้สึกว่ามันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างอย่าง (แต่บอกไม่ได้) บางทีเขาอาจจะหลงทางในเรื่องของคำว่า"ลบเงา" โดยเฉพาะในภาพบุคคลที่มีการใช้อุปกรณ์หลายๆ ชนิดส่งแสงไปยังตัวแบบเพื่อให้เงาหายไป ตัวแบบจะได้สว่างใสเคลียร์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การลบเงาออกมากเกินไปก็จะทำให้วัตถุขาดมิติทางด้านรูปทรง และภาพที่สว่างใสเคลียร์เกินไปนั้น ก็เลยกลายเป็นภาพที่ "แสงแบน" ไปในที่สุด
ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำภาพแบบ HDR (High Dynamic Range) ที่มักจะพยายามเปิดเงาออกไปให้ได้มากที่สุด นั่นหมายความว่าหากเงาถูกเปิดมากเกินไป มิติในภาพก็จะน้อยลงด้วยโดยปริยาย

ที่ถูกต้องก็คือ การลบเงาที่ไม่ใช่ลบจนหมดสิ้น ต้องยังมีอยู่ในปริมาณที่กำลังดี คือทำให้ตัววัตถุดูมีมิติแต่ต้องไม่มากจนทำให้ภาพดูแข็งกระด้าง เรื่องนี้เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ต้องอาศัยการสังเกตและการฝึกฝนให้ชำนาญเท่านั้น ไม่มีสูตรตายตัว

สังเกตุดูภาพยนตร์จากฮอลลิวูดก็ได้ เขาจะไม่มีการสว่างใสเคลียร์ล้วนแต่จะอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะพอเจาะจริงๆ ใสเคลียร์ล้วนๆ จะมีอยู่ในฉากพวกเทวดาหรือฉากที่กำลังฝัน นอกนั้นเป็นแสงชนิดที่ปรากฎเงาอยู่ทั้งสิ้นแต่ดูดี

หรือใครที่ไม่ชอบแสงแข็งกระด้างเลย ลองสังเกตดูภาพจากโฆษณาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทะเลดู นางแบบก็มีเงาแข็งๆ แต่ทำไมถึงดูดี นี่แหละอิทธิพลของแสงอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจ (แต่หลายคนมองไม่เห็น)

ที่มา: www. tsdmag.com

บทความกล้องดิจิตอลยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง