ss

4 เมษายน 2554

แนะนำกล้องใหม่ Canon EOS 1100D

EOS 1100D ใช้ระบบวัดแสงใหม่แบบ iFCL ซึ่งระบบวัดแสงแบบนี้ใช้ครั้งแรกกับกล้อง EOS 7D แบ่งพื้นที่การวัดแสงเป็น 63 ส่วน วัดแสงโดยอ้างอิงค่าของจุดโฟกัส สีสันของซับเจคต์และความสว่างของสภาพแสงมาใช้ในการคำนวณค่าการวัดแสง ซึ่งช่วยให้วัดแสงได้แม่นยำมากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงจุดโฟกัสเพิ่มเป็น 9 จุด จากเดิมในรุ่น 1000D ที่มีเพียง 7 จุด
โหมดถ่ายภาพมีให้เลือกใช้งานได้ทั้งโหมดอัตโนมัติ, โหมดอัตโนมัติ CA ที่ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนค่าการทำงานได้บ้างเล็กน้อย, โปรแกรมสำเร็จรูป ตามรูปแบบภาพที่ต้องการ หรือโหมดปรับตั้งเองอย่าง P, AV, TV และ M รวมทั้งโหมด A-DEP ที่ควบคุมระยะชัดลึกอัตโนมัติ และโหมดบันทึกวิดีโอ โดยโหมดถ่ายภาพต่างๆ เหล่านี้ เลือกใช้งานด้วยแป้นหมุนด้านบนตัวกล้องเหมือนกับรุ่นเดิม



EOS 1100D มีระบบกำจัดฝุ่นอัตโนมัติแบบ EOS Integrated Cleaning System เช่นเดียวกับกล้องรุ่นอื่นๆ ของแคนนอน โดยกล้องจะสั่งงานให้ Low-Pass Filter ที่อยู่หน้าเซ็นเซอร์รับภาพสั่นสะเทือน และทำให้ฝุ่นหลุดออกไป หรือผู้ใช้เลือกจัดการฝุ่นผ่านซอฟท์แวร์ Digital Photo Professional ซึ่งกล้องจะจำตำแหน่งของฝุ่นที่เซ็นเซอร์ภาพ และจัดการแก้ไขให้อัตโนมัติเมื่อถ่ายภาพครั้งต่อไป 

ฟังก์ชั่น Picture Style เป็นฟังก์ชั่นมาตรฐานในกล้องดิจิตอลของแคนนอน ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งรูปแบบของภาพถ่ายตามที่ต้องการ โดยปรับเลือกได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ Standard, Portrait, Landscape, Neutral, Faithful, Monochrome หรือภาพแบบโทนเดียว ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งให้เป็นภาพแบบต่างๆ ได้หลากหลาย อาทิ ขาว-ดำ ภาพโทนเขียว โทนฟ้า หรือโทนม่วง เป็นต้น และผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่ง Picture Style เองได้ด้วยฟังก์ชั่น Picture Style Editor นอกจากนี้ เมื่อถ่ายภาพด้วยฟอร์แมท RAW ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยน Picture Style ทั้งหมดผ่านโปรแกรม Digital Photo Professional ได้ใหม่ในภายหลังอีกด้วย

EOS 1100D ปรับปรุงจอมอนิเตอร์เป็นขนาด 2.7 นิ้ว ความละเอียด 230,000 พิกเซล แสดงผลการทำงานได้ตลอดเวลาผ่านฟังก์ชั่น Live View รวมทั้งถ่ายภาพผ่าน Live View Shooting ได้ด้วย ซึ่งสะดวกสำหรับการถ่ายภาพมุมต่ำ หรือมุมสูง และระบบ Live View ยังสามารถแสดงผลการปรับตั้งให้เห็นได้ทันที ช่วยลดความผิดพลาดจากการปรับตั้งค่าต่างๆได้เป็นอย่างดี รวมทั้งรองรับการควบคุมการถ่ายภาพผ่านคอมพิวเตอร์ ด้วยโปรแกรม Canon Utility ซึ่งให้มาพร้อมๆ กับตัวกล้องด้วย


ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ Auto Lighting Optimizer (ALO) เป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยชดเชยแสงในส่วนมืดของภาพให้คงรายละเอียดอยู่อย่างครบ ถ้วน, ฟังก์ชั่น Lens Peripheral Illumination Correction ปรับชดเชยความผิดปกติของภาพ ที่เกิดจากโครงสร้างเลนส์แบบต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อใช้เลนส์ซูมมุมกว้าง ที่ทำให้เกิดขอบภาพมืด ช่วยให้ได้ภาพที่มีความสว่างสม่ำเสมอทั่วทั้งภาพ, ฟังก์ชั่น Highlight Tone Priority ช่วยเตือนผู้ใช้ให้ระวังส่วนที่สว่างของภาพ เพื่อป้องกันรายละเอียดในส่วนนั้นๆ หายไป เป็นต้น

EOS 1100D ปรับตั้งความไวแสงได้แบบออโต้ และปรับเองตั้งแต่ ISO 100-6400 ส่วนไวท์บาลานซ์ปรับได้แบบออโต้เช่นเดียวกัน รวมทั้งปรับเองตามสภาพแสงได้ 6 แบบ รวมทั้งปรับแบบ Custom ซึ่งอิงจากค่าของสภาพแสงขณะนั้นด้วย นอกจากนี้ยังคงมีอุปกรณ์เสริมให้ใช้งานได้มากมายเช่นเดิม อาทิ เลนส์ Canon EF และ EF-S ขนาดต่างๆ ตั้งแต่เลนส์ซูมไปจนถึงเลนส์ซุปเปอร์เทเลโฟโต้ รวมทั้งเลนส์ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว IS ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานกล้องได้อย่างไร้ขีดจำกัด และเก็บภาพประทับใจได้ในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ยังมีแฟลชแคนนอน Speedlite EX-series รุ่นต่างๆ รวมทั้งแฟลชรุ่นใหม่ที่เปิดตัวมาพร้อมๆ กันด้วย

EOS 1100D บันทึกภาพด้วยเมมโมรี่การ์ดแบบ SD, SDHC, SDXC รวมทั้ง Eye-Fi Card ด้วย โอนถ่ายข้อมูลผ่าน USB 2.0 Hi-Speed, HDMI และ A/V Out รองรับระบบ PAL และ NTSC แหล่งพลังงานได้จากแบตเตอรี่ Lithium-Ion LP-E10 ตัวกล้องมีขนาด 130 x 100 x 78 มม. น้ำหนัก 495 กรัม (เฉพาะตัวกล้อง)

บทความกล้องดิจิตอลยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง