จากคำถามของเพื่อนสมาชิกว่า การวัดแสงและล็อกแสง (AE lock) ต่างกันอย่างไร ผมจึงไขข้อข้องใจให้คร่าว ๆ ดังนี้ครับ
การวัดแสง.. เป็นกระบวนการวัดแสง ซึ่งกล้องดิจิตอลจะมีเซ็นเซอร์สำหรับวัดแสงขึ้นกับคุณสมบัติของกล้องนั้นๆ ส่วนใหญ่จะมี 3 รูปแบบได้แก่ วัดเฉลี่ยทั้งภาพ, วัดเฉลี่ยหนักกลาง และ เฉพาะจุด เรื่องนี้ผมอธิบายทุกครั้งที่มีการสอนเทคนิคการถ่ายภาพ และมีการแสดงตัวอย่างให้ดูด้วยครับ
ปกติระบบวัดแสง จะใช้สีเทา 18 เปอร์เซ็นต์เป็นจุดอ้างอิง การทำงานของระบบวัดแสง คือจะตรวจสอบไฮไลท์ (พื้นที่สว่าง) และชาโดว์ (เงา) เพื่อใช้ในการตัดสินใจของกล้อง ว่าปริมาณแสงเท่านี้ควรใช้ค่าการถ่ายภาพเท่าไหร่
ตัวอย่างสัญลักษณ์ของโหมดวัดแสง ซึ่งส่วนใหญ่จะคล้ายกัน Spot หมายถึงวัดแสงเฉพาะจุด, Center Weighted วัดแสงแบบเฉลี่ยหนักกลาง, ส่วนเฉลี่ยทั้งภาพแล้วแต่ยี่ห้อ ไอคอนจะมีลักษณะคล้ายๆ กัน
วัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพ :
กล้องจะนำไฮไลท์และชาโดว์ มาคำนวณทั้งภาพ ซึ่งใช้ในสถานการณ์ทั่วไปได้ดี แต่ถ้ามีแสงยาก เช่น ถ่ายย้อนแสง แสงลงเป็นหย่อม ๆ หรืออยู่ในที่มืดมาก ๆ ระบบวัดแสงแบบนี้จะคำนวณผลออกมาไม่ได้ดั่งใจครับ เพราะกล้องไม่รู้หรอกว่าเราต้องการถ่ายจุดสนใจตรงไหนของภาพ กล้องจะคำนวณหยาบ ๆ แล้วปรับค่าการถ่ายภาพโดยเฉลี่ยออกมา
วัดแสงแบบเฉลี่ยหนักกลาง :
กล้องจะวัดแสงตรงกลางของเฟรมเป็นวงกลมขนาดประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของเฟรม หมายความว่ากล้องจะนำไฮไลท์และชาโดว์บริเวณกึ่งกลางเฟรมมาคำนวณค่าแสงเท่านั้น แล้วจึงตัดสินใจว่าจะใช้ค่าถ่ายภาพเท่าไหร่ (โหมดอัตโนมัติเท่านั้น P, A, S, Scene)
กล้องจะวัดแสงตรงกลางของเฟรมเป็นวงกลมขนาดประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของเฟรม หมายความว่ากล้องจะนำไฮไลท์และชาโดว์บริเวณกึ่งกลางเฟรมมาคำนวณค่าแสงเท่านั้น แล้วจึงตัดสินใจว่าจะใช้ค่าถ่ายภาพเท่าไหร่ (โหมดอัตโนมัติเท่านั้น P, A, S, Scene)
วัดแสงเฉพาะจุด :
โหมดวัดแสงแบบนี้ ผู้ใช้ต้องเข้าใจระบบวัดแสงก่อนจึงจะใช้ได้ผลสูงสุด การวัดแสงเฉพาะจุดเมื่อก่อนจะวัดตรงกลางของเฟรมเป็นจุดเล็กๆ ประมาณ 8 เปอร์เซ็น แต่ในกล้องรุ่นใหม่ๆ จะวัดแสงเฉพาะจุดที่จุดโฟกัสของเราครับ การวัดแสงเฉพาะจุดจะแม่นยำก็ต่อเมื่อเราเลือกจุดอ้างอิงในเฟรมให้ใกล้เคียงกับสีเทา 18 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราวัดที่สีผิวของนางแบบ นางแบบก็ควรจะมีสีผิวกลางๆ ไม่ขาวมาก ไม่ดำมาก ถ้าผิวขาวมาก การวัดแสงเฉพาะจุดจะให้ผลอันเดอร์ เพราะกล้องเข้าใจว่าสว่างเกินไป แต่ถ้าวัดแสงที่ผิวสี กล้องจะเข้าใจว่าภาพมืดเกินไปและจะปรับค่าการถ่ายภาพให้โอเวอร์ (ขาวเกินไป)
โหมดวัดแสงแบบนี้ ผู้ใช้ต้องเข้าใจระบบวัดแสงก่อนจึงจะใช้ได้ผลสูงสุด การวัดแสงเฉพาะจุดเมื่อก่อนจะวัดตรงกลางของเฟรมเป็นจุดเล็กๆ ประมาณ 8 เปอร์เซ็น แต่ในกล้องรุ่นใหม่ๆ จะวัดแสงเฉพาะจุดที่จุดโฟกัสของเราครับ การวัดแสงเฉพาะจุดจะแม่นยำก็ต่อเมื่อเราเลือกจุดอ้างอิงในเฟรมให้ใกล้เคียงกับสีเทา 18 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราวัดที่สีผิวของนางแบบ นางแบบก็ควรจะมีสีผิวกลางๆ ไม่ขาวมาก ไม่ดำมาก ถ้าผิวขาวมาก การวัดแสงเฉพาะจุดจะให้ผลอันเดอร์ เพราะกล้องเข้าใจว่าสว่างเกินไป แต่ถ้าวัดแสงที่ผิวสี กล้องจะเข้าใจว่าภาพมืดเกินไปและจะปรับค่าการถ่ายภาพให้โอเวอร์ (ขาวเกินไป)
ตัวอย่าง ภาพนี้สังเกตุว่าปริมาณสีดำ (ชาโดว์) ในภาพค่อนข้างเยอะ ถ้าใช้โหมดวัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพ และถ่ายภาพด้วยโหมด P/A/S หรือ Scene กล้องจะเข้าใจว่าภาพมืด และจะปรับค่าการถ่ายภาพออกมาโอเวอร์ (ขาวเกินไป) เราอาจใช้วิธีชดเชยแสงเป็นลบ - หรือใช้วิธีปรับโหมดวัดแสงเป็น spot (เฉพาะจุด) จากนั้นวัดที่ใบหน้าของแบบ (สีผิวกลางสามารถใช้เป็นจุดอ้างอิงได้) ถ้าใช้โหมด P/A/S หรือ Scene คุณซูมไปที่หน้าแบบวัดแสงแบบ spot จากนั้นกด AE lock เพื่อล็อคค่าการถ่ายภาพ ค่อยถอยซูมออกมาถ่ายภาพนี้ จะได้แสงที่ใกล้เคียงความจริงครับ แต่ถ้า spot ไปตกที่สีดำ ภาพนี้ขาวเว่อร์แน่นอน
ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพแสงลงเป็นหย่อมๆ มักจะเกิดขึ้นช่วงพระอาทิตย์ตรงหัว หลีกเลี่ยงเงาไม่ได้ เราเฉลี่ยแสงและเงาแล้วใกล้เคียงกัน อาจใช้เฉลี่ยทั้งภาพในการถ่ายภาพนี้ก็ได้ แล้วค่อยชดเชยแสงเอาครับ
ภาพนี้ใช้โหมดวัดแสงแบบเฉลี่ยหนักกลางก็ได้ สังเกตุจุดที่มาร์คสีเอาไว้ ถ้าคุณใช้โหมดวัดแสงแบบเฉพาะจุด spot เล็งไปที่จุดสีฟ้า ภาพจะมืดลงเพราะตรงนั้นเป็นพื้นที่สว่าง กล้องจะเข้าใจว่าภาพสว่างมากก็จะปรับค่าการถ่ายภาพให้มืดลง แต่ถ้าคุณวัดเฉพาะจุดที่สีเหลือง (เสื้อสีดำ) กล้องจะเข้าใจว่าภาพมืด ทำให้กล้องปรับค่าการถ่ายภาพให้สว่างขึ้นอาจโดยการลดความเร็วชัตเตอร์ลงภาพ นี้ก็จะขาวเวอร์ ส่วน จุดสีเขียวที่หน้าผาก เป็นโทนสีกลางๆ แสงที่ได้อาจพอดีหรือไม่ก็ได้ ขึ้นกับว่าพื้นที่ตรงนั้นใกล้เคียงกับสีเทา 18 เปอร์เซ็นต์หรือไม่นั่นเอง
เรื่องของการวัดแสงก็เป็นอย่างที่อธิบายครับ
การล็อกค่าแสง AE lock:
จาก เรื่องการวัดแสง การล็อกค่าแสง ต้องเข้าใจก่อนว่าในแต่ละเฟรมของภาพ เมื่อเราเปลี่ยนสถานที่ ค่าแสงก็เปลี่ยน ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายในการถ่ายภาพ ผู้ผลิตกล้องจึงให้ฟังก์ชั่นล็อกค่าแสงมาให้เราใช้งาน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในกรณีที่เรารู้ว่าเราต้องการวัดแสงที่ไหนในเฟรมให้ ภาพออกมาพอดี เช่นเราอาจถ่ายภาพไวด์กว้างๆ ซึ่งความเปรียบต่างแสงในเฟรมเยอะ เราอาจต้องการให้แสงพอดีที่หน้านางแบบของเรา ในกรณีนี้เราอาจซูมเข้าไปที่หน้านางแบบแล้วเลือกวัดแสง (โหมดใดก็ได้ เพราะซูมแล้วแสงของฉากจะไม่เข้ามากวน)
ถ้าเราอยู่ในโหมด P, A, S, Scene กล้องจะปรับค่าการถ่ายภาพให้เราอัตโนมัติ (ซึ่งเป็นการวัดแสงที่หน้าแบบจากผลของการซูมเข้าไปคร็อปที่หน้า) จากนั้นเราก็แค่กดล็อกแสง AE lock เพื่อคงค่าการถ่ายภาพนั้นไว้ แล้วก็หมุนซูมออกมาที่มุมกว้าง ค่าการถ่ายภาพก็จะอยู่คงเดิมที่เราล็อกไว้ เราก็ลั่นชัตเตอร์ได้เลยครับ...
บางครั้งผมก็ประยุกต์ใช้การวัดแสง เพื่อดูค่าการถ่ายภาพที่เหมาะสม จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโหมด M แล้วตั้งค่าการถ่ายภาพตามนั้น ลองถ่ายภาพดู แล้วปรับค่าอีกนิดหน่อยให้ได้ดั่งใจก็สามารถทำได้ ไม่ต้องซื้อเครื่องมือวัดแสงเหมือนสมัยก่อนให้เสียกระตังครับ
ขอบคุณบทความและรูปภาพดี ๆ จาก http://www.pixview.net/