ss

11 กุมภาพันธ์ 2555

เทคนิคถ่ายภายยังไงให้เป็น Silhouette

วันนี้เราจะมาดูกันครับ ว่า Silhouette คืออะไร ถ่ายยังไงให้เป็น
Silhouette 


เริ่มแรกเราต้องรู้จักกันก่อนว่า Silhouette คืออะไร

Silhouette ก็คือการถ่ายภาพที่เกิดจากการถ่ายย้อนแสงนั่นเองครับ  ตัวแบบที่เราถ่ายจะเป็นเงาดำๆ ดูไม่รู้ด้วยว่าแบบสวย หรือไม่สวย  ใครจะผิวขาว ผิวดำ ยังไงก็ดำหมดทั้งตัวครับ แต่การถ่ายเงาดำนั้นบางครั้งเกิดการเบลอ เกิดการจัดวางไม่ลงตัวทำให้ได้ภาพที่ดูไม่สมบูรณ์ครับ เรามาดูกันดีกว่าครับ ว่าถ่ายยังไงให้ได้ Silhouette แบบดีๆ



Concept

การถ่ายภาพแบบเงาดำ มีหลักและวิธีคิดคือ การบันทึกแสงโดยให้ฉากหลังมีปริมาณแสงที่สว่างพอดี
แต่ให้ตัวแบบมีแสงน้อยที่สุดเพื่อให้กลายเป็นรูปทรงเงาดำ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการถ่ายภาพแบบย้อนแสงนั่นเอง โดยใช้ประโยชน์จากการที่สภาพแสงมีความเปรียบต่างสูงระหว่างตัวแบบและฉากหลัง ซึ่งจะต้องควบคุมทั้งสปีดชัตเตอร์และรูรับแสง หรือเรียกตามศัพท์ถ่ายภาพว่าให้แสงฉากหลังพอดีแต่ตัวแบบอันเดอร์ ความสวยงามของภาพประเภทนี้จะอยู่ที่รูปทรงของตัวแบบ การจัดองค์ประกอบภาพ และลักษณะของแสง 
ฉากหลังที่สวยงาม เราจะพบเห็นภาพแบบเงาดำ ที่ถ่ายภาพในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือตกเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตัวแบบก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเสมอไป สัตว์ ต้นไม้ อาคาร ก้อนหิน ฯลฯ ก็สามารถใช้เป็นตัวแบบได้ ที่สำคัญคือต้องมีรูปทรงและลักษณะที่น่าสนใจ


*** ต้องขอย้ำเลยนะครับว่า รูปแบบและรูปทรงสำคัญมากที่จะสร้างจุดเด่นเวลาถ่ายภาพ Silhouette





Equipments

กล้อง DSLR ทุกตัวสามารถใช้ถ่ายภาพชนิดนี้ได้โดยพื้นฐานอยู่แล้ว จุดสำคัญคือการปรับตั้งค่าการเปิดรับแสงที่ถูกต้องโดยการเลือกใช้โหมดในการบันทึกภาพที่เหมาะสม ถึงแม้ว่าการใช้โหมดอื่นๆ จะสามารถบันทึกภาพเงาดำได้เช่นกัน แต่โหมดที่เหมาะสมมากที่สุดก็คือโหมด M หรือ โหมดแมนนวลนั่นเอง เลนส์ทุกระยะสามารถใช้ในการบันทึกภาพแบบนี้ได้หมด ขึ้นอยู่กับลักษณะมุมภาพที่เราต้องการถ่าย เลนส์ช่วงเทเลจะเน้นไปที่ตัวแบบโดยตรง และหากเป็นการถ่ายภาพที่มีดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ในภาพ ก็จะได้ขนาดที่ใหญ่ ในขณะที่เลนส์ช่วงมุมกว้างจะทำให้ภาพดูแปลกตาและเก็บบรรยากาศมาได้โดยรอบแต่ดวงอาทิตย์จะมีขนาดเล็กเนื่องจากระยะของเลนส์นั่นเอง

ขาตั้งและสายลั่นชัตเตอร์ดูจะมีความสำคัญน้อยลงไป แต่สามารถนำมาใช้ร่วม ได้เช่นกัน ซึ่งก็จะช่วยให้ภาพของคุณลดอาการสั่นไหวได้ แต่จะขาดความคล่องตัวในการเปลี่ยนตำแหน่งกล้องไป-มา ในการนี้ หากกล้องของคุณมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว มันก็จะช่วยคุณได้มาก เพราะเราอาจต้องใช้มือเปล่าถือกล้องในขณะที่ใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำด้วย 

*** ย้ำว่ากล้องทุกตัวก็ถ่ายได้ครับ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นกล้อง DSLR อย่างเดียว
เพราะพื้นฐานการถ่ายย้อนแสงจะเหมือนกันครับ... และอยู่ที่มุมมองการสร้างสรรค์ครับ



Exposure

• สปีดชัตเตอร์
สปีดชัตเตอร์จะขึ้นอยู่กับปริมาณแสงในขณะนั้น แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือสปีดชัตเตอร์จะต่ำเกินไปจนถือกล้องด้วยมือเปล่าไม่ได้ (ซึ่งก็อาจจะต้องใช้ขาตั้งกล้องช่วย) หรือตัวแบบของคุณมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ และต้องการให้ตัวแบบหยุดนิ่งหรือไม่?

• รูรับแสง
เป็นเรื่องของการควบคุมระยะชัด (Depth of Field) ยิ่งรูรับแสงแคบ (ตัวเลขค่า F มาก) ระยะชัดก็จะยิ่งครอบคลุมเป็นระยะที่กว้างมากขึ้น (ชัดลึก) แต่ถ้ารูรับแสงกว้าง (ตัวเลขค่า F น้อย) ก็จะมีระยะความคมชัดที่สั้นลง (ชัดตื้น) ดังนั้นต้องคำนึงถึงลักษณะภาพของเราว่าต้องการระยะชัดครอบคลุมขนาดไหน? 
แล้วปรับค่ารูรับแสงเพื่อควบคุมปัจจัยเหล่านี้

• ค่า ISO
ค่าความไวแสงก็ไม่มีกำหนดตายตัว คุณอาจจะเลือกใช้ค่าความไวแสงมากขึ้นหากแสงมีปริมาณน้อยลง หรือใช้ค่าความไวแสงต่ำหากมีปริมาณแสงมาก หรือต้องการใช้เพื่อเหตุผลทางด้านของการปรับตั้งค่าสปีดชัตเตอร์และรูรับแสง สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ ยิ่ง ISO ต่ำ ภาพก็ยิ่งมีคุณภาพดี ในทางตรงกันข้าม ยิ่ง ISO สูง คุณภาพของภาพก็จะลดลงเรื่อยๆ

การถ่ายภาพเงาดำที่ดี ต้องรู้จักการตั้งค่ากล้องครับ แล้วคุณจะได้แสงที่สวย สีที่งามครับ และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ การเลือกช่วงเวลาของแสงครับ แสงเช้าและแสงเย็น ดูแล้วจะสวยและสบายตาที่สุดละครับ





ก้าวสู่แสง Twilight 

ตามหลักการที่เราต้องเปิดรับแสงฉากหลังให้พอดี ดังนั้นเราต้องวัดปริมาณแสงที่ฉากหลัง แต่ในเรื่องนี้ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงให้มากที่สุดก็คือเรื่องคุณภาพของแสงทั้งในด้านของช่วงเวลาและปริมาณ เช่น หากเป็นแสงธรรมชาติก็จะมีช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็คือหนึ่งชั่วโมงก่อนดวงอาทิตย์ตกและ หลังดวงอาทิตย์ขึ้นหรือที่เรียกว่าช่วงทไวไล้ท์ (Twilight) เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวแสงจะมีสีสันมากที่สุด ช่วยให้ภาพเพิ่มความน่าดูมากยิ่งขึ้น ปรับกล้องไปที่โหมดถ่ายภาพแบบแมนนวล (M) แล้วใช้ระบบวัดแสงเฉพาะจุดหรือแบบเฉลี่ยหนักกลาง จากนั้นวัดแสงไปที่ท้องฟ้าข้างๆ ดวงอาทิตย์ (ห้ามวัดแสงที่ดวงอาทิตย์เพราะอาจเกิดอันตรายต่อทั้งกล้องและสายตาได้ และอย่าลืมว่าต้องเป็นช่วงที่แสงไม่แรงมากนัก) แล้วปรับค่าสปีดชัตเตอร์และรูรับแสงให้ได้ค่าการเปิดรับแสงที่พอดี (อยู่ที่ระดับ 0 ของสเกลเครื่องวัดแสง) โดยยึดหลักการณ์ของเรื่องสปีดชัตเตอร์และรูรับแสงประกอบการพิจารณา (เช่นเรื่องของชัดลึกและชัดตื้น) เช่นค่าที่เหมาะสมตามสเกลวัดแสงอาจจะเป็น 1/125 f/5.6 แต่เราต้องการระยะชัดที่มากกว่า ก็อาจจะหรี่รูรับแสงลงมาเป็น f/8 และลดสปีดลงมาเหลือ 1/80 เป็นต้น

ส่วนในกรณีที่คุณใช้โหมด A (Aperture Priority) ก็ให้วัดแสงแบบเดียวกัน จากนั้นก็ล็อคค่าความจำแสงเอาไว้ แล้วปรับโฟกัสใหม่ แต่เราจะเห็นได้ว่าการใช้โหมด M จะสะดวกมากกว่า เพราะค่าการปรับตั้งจะอยู่คงที่ ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเมื่อเราจัดองค์ประกอบภาพโดยการเปลี่ยนตำแหน่งกล้องหรือปรับโฟกัสใหม่ หลังจากที่วัดแสงจนได้ค่าที่เหมาะสมแล้ว ก็ปรับเปลี่ยนมุมกล้องใหม่เพื่อจัดองค์ประกอบภาพและปรับโฟกัส เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็กดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพ

ตรวจสอบภาพว่าได้ผลออกมาเป็นเช่นไร? หากภาพดูสว่างเกินไป ก็อาจจะลดค่าความไวแสงลง (ISO) หรือหรี่รูรับแสงให้แคบลงหรือเพิ่มสปีดชัตเตอร์ ให้เร็วมากขึ้น (เพื่อให้แสงมีปริมาณน้อยลง) แต่ถ้าภาพดูมืดเกินไป ก็อาจจะขยายรูรับแสงหรือลดสปีดชัตเตอร์ให้ช้าลง (หรือเพิ่มค่าความไวแสงให้มากขึ้น)


*** เน้นย้ำเลยว่าช่วงเวลาสำคัญมากสำหรับ แสง Twilight ครับ เมื่อได้แสงที่ต้องการแล้ว  การปรับจูนเร่งสี หรือชิพสี ก็จะตามมาครับ แล้วสววรรค์ของภาพชิลลูเอทก็จะสวยงาม....


Suggestions

ขอเพิ่มเติมคำแนะนำสำหรับการถ่ายภาพเงาดำเลยนะครับ

• การเลือกใช้ WB ( White Balance ) ก็จะช่วยให้ได้แสงสีที่สวยนะครับ เพิ่มเติมด้วยการจูนปรับสีหรือชิพสีไปอีก

• ปรับค่า Saturation เพื่อเร่งสีสันให้กับภาพได้อีกหากคุณต้องการสีสันจัดจ้าน โดยเลือกปรับจากในกล้องได้เลย

• ภาพเงาดำที่ดี ต้องมีตัวแบบที่มีรูปทรงน่าสนใจและคมชัด ดังนั้นมองหาตัวแบบที่เข้าเกณฑ์เหล่านี้เสียก่อนที่จะทำการถ่ายภาพ  ซึ่งผมเห็นหลายท่านถ่ายมาแล้วเงาดำเบลอไม่คมชัด... อยากจะให้เน้นๆกันตรงนี้ด้วยนะครับ โฟกัสในวัตถุหรือสิ่งที่เราต้องการจะให้ย้อนแสงครับ

• การสร้างสรรค์อีกแบบนะครับ... คือตัวแบบอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นเงาดำสนิทเสมอไป ในบางครั้งการเกิดแสงตามขอบของรูปทรงหรือ "ริมไลท์" (Rim Light) ก็จะยิ่งทำให้ภาพดูน่าสนใจ และมีความสวยงามมากขึ้นไปอีก แต่คุณจำเป็นต้องมีทักษะการควบคุมแสงและการดูมุมของแสงที่ดีด้วย

• ถึงแม้ตะวันจะลับหายไปจากขอบฟ้าแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถถ่ายภาพแบบนี้ได้อีกแล้ว ในทางตรงกันข้าม บางวันที่ปัจจัยแวดล้อมเหมาะสม มันอาจจะมีความสวยงามมากกว่าช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกเสียอีก ดังนั้นให้คุณดูจนแน่ใจว่าแสงหมดแล้วจริงๆ

• การถ่ายภาพดวงอาทิตย์ย้อนแสงในขณะที่แสงยังมีความแรงอยู่เป็นสิ่งที่อันตรายมาก ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงหากคุณไม่แน่ใจ ควรรอให้แสงอ่อนกำลังลงแล้วจะดีกว่า

• ภาพเงาดำจากมุมต่ำโดยใช้เลนส์มุมกว้างจะสร้างความตื่นตาตื่นใจในเรื่องของมุมมองให้กับภาพแบบนี้เป็นพิเศษ  ดังนั้นกล้องชนิดที่มีระบบ Live View และมีจอแบบพับมองจากด้านบนได้จะช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับคุณ

• หลีกเลี่ยงฉากหลังที่รกรุงรัง ซึ่งมันจะทำลายความเด่นของตัวแบบของคุณ ฉากหลังที่โล่งและเต็มไปด้วยแสงสีจะช่วยให้ภาพดูน่าประทับใจได้มากกว่าภาพเงาดำที่ดูวุ่นวาย ซึ่งส่วนมากจะเจอกับหลายท่านมากๆเลย ให้คำนึงถึงตรงนี้ด้วยนะครับ

• สุดท้ายแล้วครับหากตัวแบบของคุณคือคน ให้รอจังหวะที่มีการขยับแขนในอิริยาบทต่าง ๆ ยิ่งหากคุณสามารถควบคุมได้เองแล้ว ภาพของคุณจะดูมีชีวิตชีวาและบอกเล่าเรื่องราวได้มากขึ้น


*** แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น ภาพที่ดีจะเกิดขึ้นได้ ต้องอยู่ที่การหมั่นฝึกถ่ายบ่อยๆนะครับ...

ขอบคุณบทความดีโดยคุณ Chonlatid D. แห่ง lampangphotoclub.com


บทความกล้องดิจิตอลยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง