ss

11 มิถุนายน 2553

เทคนิคการเลือกซื้อกล้อง Digital SLR แบบเซียน :


เทคนิคเลือกซื้อกล้องดิจิตอล SLR

กล้องรุ่นใหนดี? คำถามยอดนิยมสำหรับผู้ที่สนใจหรือกำลังตัดสินใจ ซื้อกล้องดิจิตอลมาไว้ใช้งานซักตัวหนึ่ง ทั้งนี้เพราะกล้องดิจิตอลในปัจจุบันมีให้เลือกซื้อมากมาย โดยเฉพาะกลอ้งแบบดิจิตอล SLR ที่มีราคาถูกลงมาก และได้รับความนิยมมกขึ้นทุกวันราคาเพิ่มต้นเพียงหมื่นกว่าบาท ใกล้เคียงกับกลอ้งดิจิตอลแบบคอมแพคทีเดียว และมีให้เลือกนับสิบจากหลายยี่ห้อ ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป การที่จะตัดสินใจเลือกซื้อกล้องดิจิตอลจึงนับเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวไม่น้อย โดยเฉพาะหากคุณเป็นมือใหม่ ไม่เคยรู้เรื่องกล้องดิจิตอลมาก่อน บทความนี้จะเป็นแนวทางในการตัดสินใจของคุณ

งบประมาณ
ก่อนอื่นต้องมาดูกันว่า คุณจะตั้งงบไว้ที่เท่าไร ในการหาซื้อกล้องคู่ที่รู้ใจ เพราะราคากล้องดิจิตอล SLR ในตลาดมีตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทไปจนสามแสนบาท ความละเอียดอยู่ในระดับ 8 ถึง 21 ล้านพิกเซล แม้จะเป็นรุ่นเล็กที่มีราคาประหยัด แต่ก็มีคุณภาพที่ดีมากสิ่งที่แตกต่างกันทำให้ราคากล้องมีความแตกต่างกันมาก เช่น ความละเอียดที่เพิ่มขึ้น เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่กว่า ระบบการทำงานรวดเร็วกว่า ตัวกลอ้งเป็นโลหะ เช่นแม๊กนีเซียมอัลลอยล์ เป็นต้น เมื่อตั้งงบไว้แล้วเช่น สามหมื่นบาท ก็มองหาเฉพาะกลอ้งที่อยาในงบของเรารุ่นที่มีราคาสูงกว่า คงไม่ต้องนำมาพิจารณาให้ปวดหัว

เซ็นเซอร์ภาพ
เซ็นเซอร์ภาพ ถ้าดูตามสเปคจะเขียนว่า Image sensor พูดง่ายๆก็คือ ส่วนที่ใช้รับภาพแทนฟิล์มนั้นเอง บางยี่ห้อใช้ CMOS เช่น แคนนอน แต่ส่วนใหญ่ใช้ CCD มีขนาดใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แต่เซ็นเซอร์ภาพที่มีใหญ่กว่ายอ่มได้เปรียบ เพราะเก็บรายละเอียดได้มากกว่าและให้ภาพที่มีคุณภาพดีกว่า โดยทั่วไปกลอ้งดิจิตอล SLR ในปัจจุบันจะนิยมจะนิยมใช้เซ็นเซอร์ขนาด APS-C ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าฟิล์ม 35 mm เมื่อจะนำเลนส์ของกลอ้งฟิล์มมาใช้ จะต้องคูณทางยาวโฟกัสเพิ่ม 1.5 หรือ 1.6 เท่า จึงจะได้ทางยาวโฟกัสที่เทียบเท่ากับการใช้ฟิล์ม 35 mm ส่วนกลอ้งบางรุ่นที่ใช้เซ็นเซอร์เท่าฟิล์มก็ไม่ต้องคูณทางยาวโฟกัสเพิ่ม เช่น canon EOS 1Ds Mark lll หรือ EOS 5D เป็นต้น ส่วนกลอ้งโอลิมปัส พานาโซนิค และไลก้า ใช้เซ็นเซอร์ขนาด 4/3 ซึ่งเล็กกว่าขนาด APS-C ตอ้งคูณทางยาวโฟกัสเพิ่ม 2 เท่า เช่น เลนส์ 50mm จะเพิ่มเป็น 100 mm เป็นต้น แต่มีข้อดีคือเป็นเลนส์ที่ออกแบบมาสำหรับเซ็นเซอร์ขนาด 4/3 โดยเฉพาะ ทำให้ตัวเลนส์มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา

ความลึกของสี
ความลึกของสี หรือ Bit Depth บางทีก็เรียก Color Depth ยิ่งมีความลึกของสีมากเท่าใด ก็จะเก็บรายละเอียดของเฉดสีมากเท่านั้น เช่น 10 บิต /สี หรือ 12 บิต/สี ในภาพถ่ายจะมีสามสี คือ RGB ถ้า 1 สี แสดงได้ 13 บิต 3 สีก็จะได้ 36 บิต เป็นต้น ถ้าเป็นกลอ้งระดับไฮเอนด์บางรุ่นจะทำได้ถึง 14 บิต /สี หรือ 42 บิตที่ RGB เก็บรายละเอียดของโทนสีได้มากกว่า 12 บิต ถึง 3 เท่า ให้คุณภาพที่ใกล้เคียงกับการใช้ฟิล์มทั่วๆไป การที่เฉกสีน้อยจะทำให้การแยกสีไม่ค่อยดี เท่าที่ควร เช่นกลีบดอกไม้สีแดงเข้ม แดงปานกลางและแดงอ่อน ดูด้วยตาเปล่าก็ไล่เฉดสีกันดี แต่ถ่ายออกมากลายเป็นสีแดงสีเดียว ถ้าบันทึกความลึกของสีได้มาก จะได้เฉดสีที่ใกล้เคียงกับที่ตามองเห็น

ความละเอียด
เลือกความละเยดที่เหมาะสม กลอ้งดิจิตอล SLR ในทุกวันนี้มีความละเอียดสูงมาก ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 8 จนถึง 21 ล้านพิกเซล หากคิดว่าจะอัดขยายภาพไม่เกิน 8 x 10 นิ้ว กลอ้งที่มีความละเอียดระดับ 8-10 ล้านพิกเซลก็เพียงพอแล้ว แต่อย่าลืมว่าคุณภาพที่ได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความละเอียดเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามกลอ้งที่มีความละเอียดสูงมักจะให้ภาพที่มีคุณภาพดีกว่า แม้ว่าจะถ่ายภาพที่ไฟล์ขนาดเล็กลง เช่นกล้องที่ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล หากถ่ายภาพที่ความละเอียด 6 ล้านพิกเซล มักจะให้คุณภาพที่ดีกว่ากลอ้งดิจิตอล ที่มีความละเอียดสูงสุดที่ 6 ล้านพิกเซล ทั้งนี้เนื่องจากเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ คุณภาพดีกว่า หรือหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพดีกว่านั้นเอง หากต้องการใช้งานเพื่ออัดขยายภาพในขนาดไม่เกิน 4 x 6 นิ้ว ควรปรับตั้งกล้องที่ความละเอียดที่ 3 ล้านพิกเซลก็เพียงพอแล้วเพราะการตั้งความละเอียด 10 ล้านพิกเซล แล้วขยายภาพ 4 x 6 นิ้วคุณภาพจะไม่แตกต่างกับการตั้งความละเอียดที่ 3 ล้านพิกเซล เนื่องจากเครื่องพิมพ์ภาพไม่ว่าจะเป็นอิงค์เจ็ทหรือแลปสีต้องการไฟล์ภาพสูงสุดสำหรับภาพ 6x4 นิ้วที่ความละเอียด 3 ล้านพิกเซลเท่านั้น ( พิมพ์ภาพที่ 300 – 400 dpi ) แต่ก็มีข้อระวังเหมือนกันคือหากถ่ายภาพที่ความละเอีอดต่ำแล้วต้องการนำไปขยายภาพใหญ่ในภายหลังจะได้คุณภาพที่ไม่ดีเท่าที่ควร

เลนส์
กล้องดิจิตอล SLR จะถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ หากกล้องรุ่นเล็กรุ่นกลางมักจะมีเลนส์คิทมาพร้อมกับตัวกล้อง เช่น18 – 55 มม หรือ 18 – 70 มม เพียงพอสำหรับการถ่ายภาพทั่วๆๆไป แต่ต้องการถ่ายภาพในมุมกว้างขึ้น หรือถ่ายภาพสิ่งที่อยู่ระยะไกลจะไม่สามารถทำได้ จะต้องซื้อเลนส์มาใช้เพื่อมเติม โดยเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสต่ำกว่า 18 มม จะช่วยให้ถ่ายภาพได้กว้างขึ้นหรือมากกว่า 55 มม จะถ่ายภาพได้ไกลมากขึ้น หากต้องการซื้อเลนส์เพิ่มเพื่อใช้งานต่อจากเลนส์คิท ขอแนะนำเลนส์ซูมขนาด 55 – 200 ถ้าชอบถ่ายวิวทิวทัศน์กว้างๆก็ขอแนะนำเลนส์ที่มีมุมกว้างมากขึ้น เช่น 12 – 24 มม หรือใช้เลนส์ครอบจักวาลตัวเดียวจบก็ได้เช่น 18 – 200 มม แต่คุณภาพจะไม่ดีเท่าเลนส์ช่วงซูมน้อยกว่า หากต้องการคุณภาพดีที่สุดก็ต้องเลือกใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยว เช่น ถ้าต้องการครอบคลุมตั้งแต่ 18 ถึง 200 มม จะต้องมีเลนส์ถึง 6 ตัวคือ 18 28 35 50 100 และ 200 มม โดยเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยวส่วนใหญ่จะมีรูรับแสงกว้างสุดมากกว่าเลนส์ชูม เช่น F 1.4 จนถึง F 2.8 ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกตัวอาจเลือกเพียงบางตัวที่ดีที่สุดซึ่งดีกว่าการใช้เลนส์ซูมแน่นอน โดยทั่วไปนิยมใช้เลนส์ที่มีขนาด 50 มม F 1.8 เพราะมีราคาถูกเพียงไม่กี่พันบาท แต่ได้รูรับแสงกว้าง ใช้ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆ ได้ดีมาก ถ้าชอบถ่ายภาพบุคคลก็คือแนะนำเลนส์เทเลระยะปานกลางเช่น 85 มม F 1.8 หรือจะซื้อเลนส์ 100 มม มาโคร F 2.8 ก็ได้ ใช้ประโยชน์ได้ทั้งการถ่ายภาพบุคคลและถ่ายวัตถุที่มีขนาดเล็กมากๆเช่นดอกไม้หรือแมลง เป็นต้น

จอมอนิเตอร์
ปัจจุบันกล้องดิจอตอลมีจอมอนิเตอร์ที่ใหญ่มากขึ้น เช่น 2.5 หรือ 3.0 นิ้ว ทำให้มองดูภาพ เมนู ตัวอักษร และไอคอนต่างๆ ได้อย่างชัดเจน การแบ่งปันภาพที่ถ่ายไปแล้วให้เพื่อนฝูงดูทำได้สะดวกมากขึ้น การเลือกจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่จึงควรเป็นสิ่งที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อกลอ้ง อย่างไรก็ตามหากมีกลอ้งที่จอมอนิเตอร์ขนาดเท่ากัน ให้ดูความละเอียดของจอภาพเปรียบเทียบอีกทีหนึ่ง เพราะจอที่มีความละเอียดมากกว่า เช่น 150,000 กับ 230,000 พิกเซล จอที่ความละเอียดสูงกว่าจะแสดงภาพได้ชัดเจนกว่า และเห็นผลเมื่อซูมขยายภาพเพื่อตรวจสอบรายละเอียดความคมชัด นอกจากนี้ให้ดูองศาในการมองภาพด้วย บางรุ่นต้องมองตรงๆเท่านั้น หากมองเฉียงจะเห็นภาพจางลง แต่บางรุ่นมีมุมมองกว้างมากถึง 160 องศา กลอ้งบางรุ่นออกแบบให้จอมอนิเตอร์ปรับพลิกก้มเงยและหมุนได้รอบ ทำให้สะดวกในการถ่ายภาพมุมสูงหรือมุมต่ำ

การตอบสนองที่รวดเร็ว
กล้องดิจอตอล SLR รุ่นใหม่ๆ มีการตอบสนองที่รวดเร็วดีมาก ตั้งแต่การเปิดสวิตช์กลอ้งพร้อมใช้งาน ไปจนถึงช่วงเวลาการลั่นชัตเตอร์และการถ่ายภาพต่อเนื่อง การเลือกซื้อกลอ้งควรพิจารณาเปรียบเทียบว่ากลอ้งแต่ละรุ่นพร้อมใช้งานในระยะเวลาเท่าใด กลอ้งบางรุ่นใช้เวลาไม่ถึง 0.2 วินาที ก็ใช้งานได้แล้ว ส่วนช่วงเวลาการลั่นชัตเตอร์ถ้าสั้นมากก็จะถ่ายภาพเหตุการณ์หรือสิ่งเคลื่อนไหวได้ดีเหมือนกับการใช้กลอ้งฟิล์ม สุดท้ายคือการถ่ายภาพต่อเนื่องอย่างน้อยควรจะทำได้ที่ 3 ภาพ/วินาที บางรุ่นอาจจะเร็วถึง 5 ภาพ/วินาที เช่นกลอ้งดิจิตอล SLR ของ canon eos400d แต่ถ้าเป็นกลอ้งระดับโปรอย่าง canon
eos1d Mark lll ทำความเร็วขึ้นไปถึง 10 เฟรม/วินาที เหมาะสำหรับช่างภาพข่าว กีฬา หรือสัตว์ป่า ที่ตอ้งการความเร็วสูงๆ เพื่อจับจังหวะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

หน่วยความจำสำรองไฟล์ภาพ
Buffer ยิ่งมากยิ่งดี การที่มี Buffer หรือหน่วยความจำในตัวกลอ้งมากๆ จะช่วยให้การถ่ายภาพเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ต้องเสียเวลารอคอยนานๆ และไม่พลาดโอกาสสำคัญในการบันทึกภาพ กล่าวคือ กลังจากที่เรากดชัตเตอร์ถ่ายภาพไปแล้ว ข้อมูลภาพที่ผ่านหน่วยประมวลผลจะถูกพักเก็บได้ก่อนด้วยบัฟเฟอร์ จากนั้นจะบันทึกลงใน เมมโมรี่การ์ดต่อไป (ขณะบันทึกจะมีไฟสีเขียวหรือสีแดงเตือนให้ทราบ) วิธีนี้ทำให้เราถ่ายภาพต่อไปได้เลย ไม่ต้องรอบันทึกลงการ์ดให้เสร็จเสียก่อน ถ้าบัฟเฟอร์เยอะก็สมารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้หลายๆภภาติดต่อกัน เช่นสเปคกลอ้งระบุว่า ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็ว 3 ภาพ ต่อวินาที ติดต่อกันรวดเร็ว 50 ภาพ หมายถึงว่าถ้าครบ 50 ภาพ จะกดชัตเตอร์ต่อไม่ได้ เพราะบัฟเฟอร์เต็มแล้ว ตอ้งรอให้บันทึกลงการ์ดก่อน เมื่อมีที่ว่างเหลือพอก็จะถ่ายภาพต่อไปได้

ไวท์บาลานซ์
ไวท์บาลานซ์ หรือสมดุลแสงขาว ฟังก์ชันนี้มีในกลอ้งดิจิตอล SLR ทุกรุ่น ส่วนใหญ่จะมีระบบปรับไวท์บาลานซ์อัติโนมัติ ทำให้ภาพถ่ายมีสีสันถูกตอ้งไม่ว่าจะถ่ายภาพกลางแจ้ง หรือสภาพแสงอื่นๆ ที่มีอุณภูมิสีแตกต่าง กัน ถ้าเป็นกล้องใช้ฟิล์มซึ่งสมดุลแสงกลางวันที่อุณภูมิสี 5000-5500 องศาเควิน จะได้ภาพที่มีถูกตอ้งก็ต่อเมื่อถ่ายภาพด้วยแสงกลางวัน หรือแสงแฟลชเท่านั้น ถ้าอยู่ในที่ร่มอุณภูมิสีจะสูงภาพจะมีโทนสีฟ้า หรือช่วงเย็นอุณภูมิสีต่ำ ภาพจะมีโทนสีส้มแดง แต่กลอ้งดิจิตอลจะให้โทนสีถูกต้องได้แม้ว่าสภาพแสงจะแตกต่างกัน นอกจากระบบออโต้แล้วส่วนใหญ่จะมีระบบ PRESET ให้ปรับตั้งตมสภาพแสงแบบต่างๆอีก แต่ละรุ่นเลือกได้ไม่เท่ากัน เช่นแสงดวงอาทิตย์แสงในที่ร่ม แสงจากไฟฟลูออเรสเซ้นท์ในอาคาร แสงไฟ ทังสแตนเป็นต้น กลอ้งบางรุ่นมีระบบถ่ายภาพ 3 หรือ 5 ภาพติดต่อกัน แต่ละภาพมีการปรับเปลี่ยนอุณภูมิสีที่แตกต่างกันอัติโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาปรับตั้งทีละภาพ บางรุ่นยังกำหนดตัวเลขอุณภูมิสีเองได้ ปรับได้ละเอียดมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปราณีตในเรื่องของสีให้ถูกตอ้งมากที่สุด หรือปรับชิพท์ไวท์บาลานซ์ได้เพิ่มแก้ไขปัญหา
เรื่องภาพมีโทนสีแดงหรือสีฟ้ามากเกินไปเพียงเล็กน้อย การปรับชิพซ์ไวท์บาลานซ์จะช่วยให้ได้ภาพที่มีสีสันถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน บางรุ่นมีระบบคัสตอมหรือแมนนวล โดยเทียบจากวัตถุที่มีสีขาวซึ่งจะทำให้ได้สีที่ถูกต้องมากที่สุด

ระบบออโต้โฟกัส
กล่องดิจิตอล SLR ทุกรุ่นเป็นระบบออโต้โฟกัส ทำงานได้รวดเร็วพอสมควร แต่รุ่นที่สูงขึ้นไปจะโฟกัสได้เร็วกว่า และเร็วที่ในกลอ้งรุ่นท๊อป ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นกลอ้งสำหรับมืออาชีพ บางรุ่นมีโฟกัส 3 หรือ 5 จุด แต่บางรุ่นมีมากถึง 11 หรือ 16 จุด ยิ่งมากยิ่งดี เพราะไม่ว่าตัวแบบหรือสิ่งที่ต้องการจะถ่ายอยู่ในตำแหน่งใดก็จะปรับโฟกัสได้อย่างแม่นยำ โดยกลอ้งจะเลือกจุดโฟกัสให้ เเบบอัติโนมัต โฟกัสเองก็ได้ นอกจากนี้ควรพิจารณาช่วงการปรับโฟกัสว่าทำได้ที่ช่วง EV เท่าใด หากโฟกัสที่ EV ต่ำๆ ได้เช่น EV1 หรือ EV0 จะทำให้กลอ้งปรับโฟกัสได้แม้ในสภาพแสงสลัว หากเป็นกลอ้งระดับโปรบางรุ่นจะปรับโฟกัสได้ถึง EV-1 ทีเดียว

ระบบบันทึกภาพและการวัดแสง
กล้องดิจิตอล SLR ส่วนใหญ่มีระบบออโต้และโปรแกรมสำเร็จรูป รวมทั้งโหมดบันทึกภาพมาตรฐาน P,S,A,M ในระบบออโต้กลอ้งจะเลือกค่าความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง เลือกความไวแสง และปรับโฟกัสให้ทั้งหมด ผู้ใช้เพียงจัดองค์ประกอบภาพตามที่ต้องการและกดปุ่มชัตเตอร์ ถ้าแสงน้อยกลอ้งก็จะปรับความไวแสงให้สูงขึ้น หรือเปิดแฟลชทำงานอัตโนมัติ ทำให้ใช้งานง่าย และมีโปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับถ่ายภาพแบบต่างๆ เช่น ถ่ายภาพบุคคล ภาพทิวทัศน์ ภาพกลางคืน ภาพกีฬา ภาพพลุ ดอกไม้ไฟ ภาพหิมะ ชายหาด เป็นต้น กลอ้งบางรุ่นมีโปรแกรมที่หลากหลายมากอีกนับสิบแบบ แต่ถ้าหากคุณมีความรู้เรื่องเทคนิคการถ่ายภาพหรือมีประสบการณ์เรื่องการวัดแสงมาบ้างแล้ว ก็มีโหมดออโต้ความเร็วชัตเตอร์กับความเร็วรูรับแสงให้เล่นด้วยค่ะ ซึ่งตอ้งปรับความเร็วชัตเตอร์หรือรูรับแสงด้วยตนเอง

อุปกรณ์เสริม
กล้องดิจิตอล SLR ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ จะมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกใช้มากมาย เพื่อความสะดวกในการถ่ายภาพทุกรูปแบบ โดยมีเลนส์เป้นอุปกรณ์เสริมหลัก รองลงมาคือ แฟลชรุ่นต่างๆ ตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่ สายลั่นชัตเตอร์ บางรุ่นมีแบตเตอรี่กริป ช่วยให้ใช้แบตเตอรี่ได้นานขึ้น ได้พร้อมกันสองก้อน ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างที่ถ่ายรูป และช่วยให้การจับถือกลอ้งโดยเฉพาะการถ่ายภาพในแนวตั้งสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น บางรุ่นมีรีโมทแบบไร้สายช่วยให้ควบคุมการถ่ายภาพจากระยะไกลได้

ระบบกำจัดฝุ่น และระบบป้องกันภาพสั่นไหว
กล้องดิจิตอล SLR หลายรุ่นในปัจจุบันมีระบบกำจัดฝุ่นในตัว โดยใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกันออกไป ช่วยลดปัญหาเรื่องฝุ่นที่จับอยู่ตรงหน้าเซ็นเซอร์ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของกลอ้งดิจิตอลแบบ SLR ที่ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ บางรุ่นมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกลอ้งเลย ทำให้สามารถนำเลนส์ตัวไหนก็ได้มาใช้แล้วมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว ไม่จำเป็นตอ้งสียเงินซื้อเลนส์ที่มีระบบกันสั่นไหวเพิ่มเติม

บริการหลังการขาย
สิ่งสุดท้ายที่ต้องคำนึ่งถึงคือ เรื่องของบริการหลังการขาย ทั้งจากร้านค้าและบรัทผู้นำเข้า หากซื้อกลอ้งและอุปกรณ์จากผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ คุณจะได้รับบริการที่เชื่อถือได้ เนื่องจากเป็นตัวแทนจำหน่ายโดยตรงจากผู้
ผลิต บางบริษัทเป็นบริษัทจัดจำหน่ายจากผู้ผลิตกลอ้งโดยตรง โดยทั่วไปกลอ้งดิจิตอลจะรับประกันคุณภาพ 1 ปี หากเกิดความเสียหายในช่วงระยะเวลาการรับประกันจะได้รับการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ฟรีโดยไม่คิอค่าบริการ หากเป็นชิ้นส่วนสำคัญ เช่น เซ็นเซอร์ภาพ หรือจอมอนิเตอร์ ค่าอะไหล่จะราคาสูงมาก เพื่อความสบายใจ การซื้อกลอ้งจากผู้นำเข้าที่ถูกตอ้งจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน ยกเว้นว่าราคาระหว่างผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการกับผู้นำเข้าอิสระจะแตกต่างกันมาก อาจเป็นสาเหตุให้ซื้อกลอ้งที่มีราคาถูกกว่า สำหรับการกลอ้งดิจิตอลจากต่างประเทศในปัจจุบันควรตรวจสอบราคาให้ดีเสียก่อนโดยเฉพาะที่ฮ่องกง สิงคโปร์ หรือญี่ปุ่น บางรุ่นถูกกว่าด้วยซ้ำ หากต่างกันไม่มากควรเลือกซื้อกลอ้งในเมืองไทย จะดีกว่า ไม่ต้องเสี่ยงกับการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ในกรณีที่กลอ้งมีปัญหา
นี่เป็นองค์ประกอบเบื้องต้นในการซื้อกลอ้ง DSLR ครับ ส่วนการตัดสินใจขั้นสุดท้ายก็อยู่ที่ใจชอบครับ เป็นตัวตัดสินสำคัญเลยครับ

ขอบคุณบทความดี ๆจาก
นิตรสาร SHUTTER PHOTOGRAPHY

บทความกล้องดิจิตอลยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง